เอกายนมรรคในพระไตรปิฎก

การเผยแพร่ธรรมะของพระพม่ากับสาวกมีเรื่อง “หมกเม็ด” อยู่หลายเรื่องหลายประเด็น

ถ้าจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน พระพม่ากับสาวกก็จะ “อ้างว่า” สิ่งที่พวกเขาสอนคือ “ความจริง” ของศาสนาพุทธ ของกลุ่มอื่นไม่จริงทั้งหมด

คำว่า “เอกายนมรรค” พระพม่ากับสาวกพยายามโฆษณาเกินจริงมานานแล้วว่า “มีเฉพาะในสติปัฏฐานสูตร” เท่านั้น ที่อื่นๆ ไม่มี

พระพม่ากับสาวกโกหกมานานแล้วว่า “สติปัฏฐานสูตร” เท่านั้นที่จะทำให้ “พุทธศาสนิกชน” จะไปนิพพานได้  โดยการโกหกยกกำลังสองขึ้นไปอีกว่า “ปฏิบัติธรรมแค่หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งของสติปัฏฐานก็พอแล้ว”

ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระพม่าโกหกมานั้น “อาจจะเป็นจริงได้” ถ้า “เอกายนมรรค” มีเฉพาะในสติปัฏฐานสี่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว อย่างน้อยพระพุทธเจ้ากล่าวถึง “เอกายนมรรค” ไว้ 3 แห่ง ดังนี้

1) สติปัฏฐาน 4

อุเทศ เอกายโน อยํ ภิกฺขดว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย, ยททํ จตฺตาโร สติปฏฺฐานา. ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้ เป็นทางเดียว เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์  เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง หนทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ ประการ คำนิคม [๑๕๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้ เป็นที่ไปอันเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์  เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง หนทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ ประการ ฉะนี้แล คำที่เรากล่าวดังพรรณนามาฉะนี้ เราอาศัย เอกายนมรรค นี้กล่าวแล้ว. พระผู้มีพระภาคตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นยินดี  ชื่นชม ภาษิต ของพระผู้มีพระภาค แล้วแล.

2) ขุททกนิกาย มหานิเทสและจูฬนิเทส

ในขุททกนิกาย มหานิเทสและจูฬนิเทส มีข้อความที่แสดงเอกายนมรรคว่า คือ “สติ” ดังข้อความว่า

“ยา สติ อนุสฺสติ ปฏิสฺสติ, สติ สรณตา ธารณตา อปิลาปนตา อสฺสมฺมุสฺสนตา, สติ สตินฺทฺริยํ สติพลํ สมฺมาสติ สติสมฺโพชฺฌงฺโค เอกายนมคฺโค, อยํ วุจฺจติ สติ” แปลว่า “ความระลึก ความระลึกถึง ความระลึกเฉพาะ ความระลึกกิริยาที่ระลึก ความทรงจำ ความไม่เลื่อนลอย ความไม่หลงลืม สติ สตินทรีย์ สติพละ สัมมาสติ สติสัมโพชฌงค์ เอกายนมรรค ธรรมนี้ เรียกว่า สติ.”

3) ขุททกนิกาย มหานิเทสและจูฬนิเทส

“สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 อริยมรรคมีองค์ 8 เรียกว่า เอกายนมรรค”

ข้อความสุดท้ายนี้ สำคัญมาก เพราะ โพธิปักขิยธรรม (virtues partaking of enlightenment) หนทางหรือเป็นฝักฝ่ายแห่งธรรมเป็นเครื่องตรัสรู้หรือการบรรลุธรรมชั้นสูงในพระพุทธศาสนา ก็เป็น เอกายนมรรค ด้วย

ขอให้ดูรายละเอียดให้ลึกลงไปอีกหน่อย ดังนี้  

หัวข้อธรรมะ	รายละเอียดของหัวข้อธรรมะ
มรรค 8	1. สัมมาทิฏฐิ 2. สัมมาสังกัปปะ 3. สัมมาวาจา 4. สัมมากัมมันตะ 5. สัมมาอาชีวะ 6. สัมมาวายามะ 7. สัมมาสติ 8. สัมมาสมาธิ
โพชฌงค์ 7	1. สติสัมโพชฌงค์ 2. ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ 3. วิริยสัมโพชฌงค์ 4. ปีติสัมโพชฌงค์ 5. ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ 6. สมาธิสัมโพชฌงค์ 7. อุเบกขาสัมโพชฌงค์
พละ 5	1. สัทธาพละ 2. วิริยะพละ 3. สติพละ 4. สมาธิพละ 5. ปัญญาพละ
อินทรีย์ 5	1. สันธินทรีย์  2. วิริยินทรีย์ 3. สตินทรีย์ 4. สมาธินทรีย์ 5. ปัญญินทรีย์
อิทธิบาท 4	1. ฉันทะ 2. วิริยะ 3. จิตตะ 4. วิมังสา
สัมมัปปธาน 4	1. สังวรปธาน 2. ปหานปธาน 3. ภาวนาปธาน 4. อนุรักขนาปธาน
สติปัฏฐาน 4	1. กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน 2. เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน 3. จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน 4. ธรรมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน

ซึ่งก็หมายถึงว่า หัวข้อธรรมะทั้งหมดทั้ง 37 ประการนี้ เป็นเอกายนมรรคหรือทางสายเดียวที่จะพาพุทธศาสนิกชนไปนิพพาน

เมื่อเป็นอย่างนี้ พระพม่ากับสาวกจะอธิบายได้อย่างไร!!!!!!

เพราะเพียงแค่ “สติปัฏฐาน 4” พระพม่ากับสาวกก็ไม่เคยอธิบายได้เลยว่า “สติปัฏฐาน 4 เป็นทางสายเดียวอย่างไร” 

เป็นทางสายเดียวแบบเส้นเชือกหรือ..... คือ หัวข้อธรรมะทุกประการเหมือนเส้นเชือกแต่ละเส้น แล้วนำมาควั่นเข้ากันไปเส้นเชือกใหญ่ขึ้นมา

พระพม่ากับสาวกอธิบายมั่วเลยเถิดไปถึงว่า ปฏิบัติธรรมแค่หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งของกายานุปัสสนาสติปัฏฐานก็ไปนิพพานได้

หัวข้อธรรมะ 36 ประการที่เหลือ ไม่มีความจำเป็นสำหรับพระพม่ากับสาวก

สิ่งที่ต้องอธิบายแต่พระพม่ากับสาวกไม่เคยอธิบายเลยก็คือ ท่านจะไปนิพพานโดยไม่ “ผ่าน” มรรค  8 ซึ่งมีอริยสัจ  4 อยู่ในนั้นได้อย่างไร..

เพราะ ถ้าไม่ “ผ่าน” อริยสัจ 4 ไม่มีทางไปนิพพานได้แน่ๆ  ก็พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อริยสัจ  4 ไม่ใช่หรือ......